วันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คนซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชา

คนซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชา


ที่มา หนังสือพิมพ์สยามรัฐฉบับวันศุกร์ที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๕๑


เมื่อหลายปีก่อน (ประมาณสัก ๑๓ปี) มีนักธุรกิจคนหนึ่งไปหา อาตมาที่วัดสุทัศน์ฯ

เมื่อพบกัน ท่านผู้นี้ก็แจ้งความประสงค์ของการมาพบ และเล่าเรื่องที่เป็นจุดประสงค์ ดังนี้...
"ท่านคงพอจะจำผมได้นะครับ เราเคยพบกันที่บ้านของ.......

มีเรื่องอยากจะเล่าให้ท่านฟังดังนี้ว่า
เมื่อก่อนผมเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และวิชาประวัติศาสตร์
ปกติผมต้องไปค้นคว้าข้อมูลในหอสมุดแห่งชาติ
ต่อมา ก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งผูกเปีย ๒ ข้างเข้าไปค้นข้อมูลอย่างจริงจัง
ว่างๆ ก็สนทนากันถึงเรื่องวิชาการ


...อยู่มาวันหนึ่งนักเรียนหญิงคนนั้นก็ชวนผมไปเที่ยวบ้าน
โดยบอกว่าจะให้พ่อเลี้ยงข้าวหนึ่งมื้อ ในฐานะที่ให้ความรู้ด้านวิชาการ
โดยมีการนัดแนะกันที่พระราชวังดุสิต สวนจิตรลดา


โดยเธอบอกว่าเมื่อเข้าประตูที่ ๑
แล้วขอให้บอกแก่คนที่เฝ้าประตูด้วยคำพูดนี้ (เป็นคำเฉพาะ)
...ครั้นถึงวันนัดหมายผมก็เดินทางไปโดยรถแท็กซี่
เมื่อเข้าประตูผมก็มิได้สงสัย คงบอกเจ้าหน้าที่ตามนั้น
ครั้นถึงขั้นที่ ๒ ผมก็บอกตามนั้นอีก เจ้าหน้าที่ก็อัธยาศัยดี ให้ความเคารพผมอย่างยิ่ง


แต่พอถึงขั้นที่๓ ผมก็เริ่มเห็นภาพชัดเจนว่า..แท้ที่จริงเด็กผู้หญิงคนนั้นคือ
"สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"
ซึ่งตอนนั้นยังมิได้เฉลิมพระยศนี้...


...ท่านครับ พอผมนึกออกก็เริ่มสั่นแล้ว
แต่เหตุที่ผมนึกไม่ออกนั้น เพราะผมไม่เคยคิดเลยว่า
เจ้าฟ้าจะสนพระทัยในวิชาการอย่างจริงจัง
เวลาค้นคว้าก็ทรงสืบค้นด้วยพระองค์เองทุกอย่าง
ทรงค้นคว้าและจดจำอย่างขมีขมัน
โดยมิได้มีข้าราชบริพารเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพระองค์
และเวลาที่ทรงสนทนาก็ให้ความนับถือคู่สนทนา
ยิ่งรู้ว่าผมเป็นครูสอนวิชาดังกล่าว


...เมื่อผมรู้ว่านักเรียนหญิงคนนั้นคือสมเด็จพระเทพฯ ผมก็ประหม่า
และแล้วรถแท็กซี่ก็ถึงที่นัดพบ
สักครู่พระองค์ก็เสด็จออกมาแล้วตรัสปฏิสันถาร
ถึงตอนนี้ผมก็ก้มลงกราบกับพื้น
และที่ทำให้ผมสั่นยิ่งขึ้นก็คือ
ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าคุณพ่อของเด็กผู้หญิงคนนี้คือ
"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"


...ท่านครับ
สักครู่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จออกมา
ทรงมีพระพักตร์ที่ยิ้มแย้มแล้วตรัสว่า
"เห็นลูกสาวบอกว่าเป็นเพื่อนกัน"
เมื่อพระองค์ตรัสดังนี้
ผมก็ก้มลงกราบด้วยความประหม่าเป็นที่สุด แล้วกราบบังคมทูลว่า
"มิเป็นการบังอาจ พระพุทธเจ้าข้า"


...พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณตรัสว่า
ขอให้ทำตัวตามปกติไม่ต้องประหม่าหรือกลัวแต่อย่างใด
พระองค์ตรัสขอบใจที่ได้เป็นเพื่อนสนทนาในวิชาการดังกล่าว
จากนั้นพระองค์ก็ตรัสว่า
"อันที่จริงก็มีผู้อยากขอเข้าเฝ้าฯ เป็นจำนวนมาก
บางรายก็ขอนำเงินขึ้นทูลเกล้าถวาย แต่เราก็ไม่สามารถจะรับเงินของบางคนได้
เราจะรับเงินของเขาได้อย่างไร ในเมื่อเงินที่เขานำมาถวายเรานั้น
เป็นเงินที่เกิดจากการขายแผ่นดินของเรา
เราจึงรับเงินนั้นไม่ได้


...ถ้าจะถามพระราชาอย่างเราว่าพระราชาอย่างเราต้องการอะไร
เราก็ขอตอบว่า...พระราชาอย่างเราต้องการคนที่ซื่อสัตย์
เพราะคนที่ซื่อสัตย์ คือ สมบัติของพระราชาอย่างเรา"


...ท่านครับ
ผมก้มลงกราบถวายบังคมพระองค์อีกครั้ง ด้วยความซาบซึ้งน้ำตาไหล
ในพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้แก่ครูสอนหนังสือเล็กๆ คนหนึ่ง
พระราชดำรัสของพระองค์มีคุณค่ายิ่งต่อชีวิตของผม
จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว
เป็นอาหารที่ผมรับประทานแล้วอิ่มตลอดชีวิต........


...ท่านครับ จากวันนั้นมา
ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไป โดยที่ผมเองก็มิได้รู้ว่าทำไม
ชีวิตของผมซึ่งเป็นครูต้องเปลี่ยนแปลงงานที่ทำโดยมิได้ตั้งใจ
ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้นตามลำดับ
แต่พระราชดำรัสที่พระองค์ตรัสไว้นั้นจารึกอยู่ในใจผมเสมอ
...ผมอยากจะเรียนท่านให้ทราบเพียงเท่านี้แหละครับ
ถ้าท่านจะกรุณานำไปเล่าให้คนทั้งหลายได้รับทราบ
ก็จะเป็นลาภของคนที่ฟัง
เขาจะได้รู้ว่าพวกเขาควรทำอย่างไรจึงจะได้ชื่อว่าเป็นคนของพระราชา
อาจารย์ท่านนี้เมื่อเล่าจบก็ลากลับด้วยสีหน้าที่อิ่มสุขและน้ำตาที่คลอเบ้าตา
มิใช่เพียงอาจารย์ท่านนี้ที่อิ่มสุขเท่านั้น
อาตมาเองซึ่งเป็นผู้ฟังก็อิ่มสุขน้ำตาคลอเบ้าเช่นเดียวกัน


บทความของ พระราชวิจิตรปฏิภาณ วัดสุทัศน์

วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

กฏแห่งกฏ

กฎแห่งกฎ
1. กฎความเป็นไปได้ – ขนมปังทาเนยที่พลัดตกพื้น จะเอาด้านที่มีเนยคว่ำลงเสมอ และโอกาสที่เนยจะเปื้อนพรม จะมีมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับราคาของพรม (ยิ่งพรมมีราคาแพงมากเท่าไหร่ โอกาสที่เนยจะเปื้อนพรมย่อมมีมากขึ้นเท่านั้น)
2. กฎแห่งการดูดวง – หมอดูมักทายหลายเรื่องทั้งดีและเลว แต่เรื่องที่แม่นที่สุดคือเรื่องที่เลวที่สุด
3. กฎแห่งความแม่นยำ – หากขว้างก้อนหินสะเปะสะปะ มันจะพุ่งตรงเข้าหาวัตถุที่มีราคาแพงที่สุด
4. กฎแห่งของหาย – ของใช้ที่เราเห็นทุกวัน จะหายก็ต่อเมื่อเราต้อการใช้มัน
5. กฎแห่งหวย – เลขเด็ดที่เราไม่ซื้อคือเลขที่จะออกงวดนั้น และหวยที่เราซื้อมักใกล้เคียงกับหวยที่ออก หากได้บวกลบคูณหารด้วยเลยอะไรสักตัว หรือกลับหน้ากลับหลัง แต่ถ้าเราซื้อเลขกลับมันจะออกเลขตรง และถ้าเราซื้อทั้งสองแบบ มันจะไม่ออกเลย
6. กฎแห่งแรงโน้มถ่วง – วัตถุ 2 ชิ้น น้ำหนักไม่เท่ากัน จะตกถึงพื้นด้วยความเร็วขนาดที่ทำลายทรัพย์สินได้มากที่สุดเท่าๆกัน
7. กฎแห่งอาวุโส – เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด แต่ถ้าหมากัด แสดงว่าหมาอาจจะบ้า หาได้เกี่ยวกับผู้ใหญ่แต่อย่างใด
8. กฎแห่งการพูด – ทันทีที่คุณพูดแสดงความคาดในสิ่งเลว สิ่งเลวจะมาหา และถ้าพูดคาดหวังในสิ่งดี สิ่งเลวก็จะมาหาเช่นกัน
9. กฎของโฮว์ – มนุษย์ทุกคนมักจะทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จ
10. กฎของไซเมอร์กี้ – ถ้าคุณรื้อชิ้นส่วนออกมาประกอบใหม่จะมีน็อตเหลือเสมอ
11. กฎของอีตัวร์ – รถเลนข้างๆ มักเคลื่อนตัวดีกว่าเลนของเรา
12. กฎแห่งการแก้ปัญหา – ในปัญหาใหญ่ๆ ที่เป็นอุปสรรคให้เราแก้ มักจะมีปัญหาเล็กๆอยู่ภายในซึ่งพร้อมจะขยายตัว แทนที่ทันทีที่ปัญหาใหญ่ได้รับการแก้ไขลุล่วง
13. กฎทอง – คนมีทองคือคนออกกฎ
14. กฎธรรมชาติของมนุษย์ – มนุษย์เรามี 2 ประเภท ประเภทแรก คือคนที่ชอบแยกคนเป็น 2 จำพวก ส่วนประเภทที่สอง คือ คนที่รังเกียจพวกประเภทแรก
15. กฎยิ่งน้อยยิ่งดีของซีกัล – คนที่มีนาฬิกาเรือนเดียว จะรู้เวลาที่แน่นอน คนที่มีนาฬิกาเพิ่มมาอีกเรือน จะไม่แน่ใจว่าเวลาใดถูกต้อง
16. กฎชองโอ’ริลลี่ – สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ คือ การทำโต๊ะทำงานให้สะอาด
17. กฎของลีเบอร์แมน – นักการเมืองโกหกทุกคน แต่ไม่เป็นไร เพราะไม่มีใครฟังใคร
18. กฎน้ำพริกถ้วยเก่า – เสื้อผ้าตัวเก่งจะเก่าซอมซ่อทันทีที่เราได้ตัวใหม่
19. กฎข้อเท็จจริงขององค์กร – ในทุกหน่วยงานมักมีพนักงานคนหนึ่งและคนเดียวที่มองเห็นปัญหาที่แท้จริงของ องค์กร และคนคนนี้จะถูกไล่ออกเสมอ
20. กฎการโต้เถียง – คนที่พูดน้อยคือคนที่รู้มาก
21. กฎการทำงานเป็นทีม – เมื่องานยุ่งยาก ทุกคนจะผละหนี
22. กฎการมองโลก – มนุษย์ 30 คนใน 100 คน ชอบมองโลกในแง่ร้าย ที่เหลือมองร้ายกว่า
23. กฎของคนอื่น – แฟนคนอื่น อาหารในจานคนอื่น มักจะดีกว่าแฟนเรา หรืออาหารเราเสมอ
24. กฎแห่งการมาสาย – เรามักจะบังเอิญมาทำงานสายในวันที่เจ้านายมาเช้า ส่วนวันที่เราตั้งใจตื่นมาทำงานแต่เช้า มักจะเป็นวันที่เจ้านายมาสายหรือไม่เจ้านายก็ลาพักร้อน
25. กฎแห่งการเลือกซื้อหนังสือ – หนังสือปกสวย เนื้อในมักห่วย ส่วนหนังสือปกห่วย เนื้อในมักห่วยกว่าเสมอ

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

ลูกชุบไปเที่ยวทะเล





คิดเรื่องยาก ให้ทำง่าย

ดูการใช้หลัก physic มาทำงานง่ายๆ

ตึกหมุนได้

มาดูว่า เขาคิดจะออกแบบ ตึกกันแบบนี้แล้วหรือ

คิด และมอง อย่าง Architect


ลองเข้ามาอ่าน
มาดูงาน design เจ๋งๆ

pile load - FORMULA 2

สุตร คำนวน การรับน้ำหนักเสาเข็ม
ENR, Danish, Janbu, Gates

pile load - FORMULA

สูตร คำนวนการรับน้ำหนักเสาเข็มตอก, blow count - Hiley's formula